เมอร์เซเดส-เบนซ์ ครองแชมป์ผู้นำตลาดรถหรู 18 ปีซ้อน ด้วยยอดขาย 15,785 คัน พร้อมเปิดตัวแรงรับต้นปี จัดหนัก 2 รุ่นใหม่ตระกูลเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี 53 อย่าง CLS 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ และ E 53 4MATIC+ Coupé รุ่นนำเข้า

   บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด แถลงผลประกอบการประจำปี 2561 ตอกย้ำ ความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งตลาดรถหรูเมืองไทย18 ปีติดต่อกัน ด้วยยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 15,785คัน เผยทิศทางการดำเนินธุรกิจปีนี้ เน้นนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่มากกว่า 20รุ่น ครอบคลุมในทุกเซกเมนต์ ปูพรมด้วยกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องตลอดทั้งปีเพื่อสร้าง ความแข็งแกร่งให้กับรถยนต์ในแบรนด์หลักอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี (Mercedes-AMG)  เมอร์เซเดส-มายบัค (Mercedes-Maybach)และแบรนด์เทคโนโลยี อีคิว (EQ)ล่าสุดประเดิมเปิดตัวรถยนต์สองรุ่นใหม่ตระกูลเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี 53 อย่าง CLS53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ และ E 53 4MATIC+ Coupé รุ่นนำเข้าเอาใจสาวกรถยนต์สายพันธุ์แกร่งพร้อมเสริมทัพด้วยบริการหลังการขาย เตรียมเปิด คลังอะไหล่แห่งใหม่  ที่ครบวงจรที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ และวางแผนแต่งตั้งผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเพิ่มอีกสี่แห่งภายในสิ้นปี2562

   มร.โรลันด์ โฟลเกอร์ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า       “ปี 2561 นับเป็นอีกหนึ่งปีที่น่าจดจำของเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วโลก ด้วยการครองตำแหน่งแบรนด์รถหรูระดับพรีเมี่ยมที่มียอดขายมากที่สุดเป็นปีที่สามติดต่อกัน จากยอดจำหน่ายรถยนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2,310,185คันและยังเป็นสถิติการเติบโตที่ต่อเนื่องยาวนานถึงแปดปี โดยมีรถยนต์ตระกูลเอสยูวีเป็นหัวใจหลักของความสำเร็จจากยอดขาย 820,721 คัน นอกจากนี้รถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ยังสร้างยอดจำหน่ายสูงถึงหกหลัก ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์รวมถึงจัดแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเพิ่มเติมรถยนต์ตระกูล 53 อีกทั้งรถยนต์ในกลุ่ม คอมแพคคาร์ที่ได้ถูกจำหน่ายออกไปในจำนวนมากกว่า 609,000 คัน”

   “ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญที่สุด ซึ่งในปีที่ผ่านมารถยนต์จำนวน 943,473 คันได้ถูกส่งมอบให้กับลูกค้า โดยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 7.8% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ  ปีก่อน ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่น อินเดีย ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ทำลายสถิติด้วยยอดจำหน่ายรถยนต์สูงถึง 15,785คัน เติบโตขึ้น 9%ซึ่งนับเป็นยอดจำหน่ายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้สามารถครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในตลาดรถหรูไว้ได้เป็นปีที่ 18ติดต่อกัน”

   “สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2562นี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการนำเสนอเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆผ่านรถยนต์รุ่นต่างๆให้กับผู้บริโภคภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เมอร์เซเดส-มายบัค และอีคิวอย่างต่อเนื่องโดยบริษัทฯ วางแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่มากกว่า 20 รุ่น พร้อมเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วยการวางแผนสร้างระบบนิเวศรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ครอบคลุมตั้งแต่การแนะนำรถยนต์ใหม่ การให้บริการหลังการขาย การขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และการเดินสายการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ ด้านบริการลูกค้า บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ในการแต่งตั้งผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการไว้ให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยในพื้นที่ต่างจังหวัดจะมีผู้จำหน่ายจังหวัดละหนึ่งแห่งเท่านั้น และในปีนี้เตรียมขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเพิ่มอีกสี่แห่ง ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด ซึ่งจะส่งผลให้เมอร์เซเดส-เบนซ์มีผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการรวม 36 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้”มร.โรลันด์ กล่าวเพิ่มเติม

   มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า“ปัจจัยแห่งความสำเร็จดังกล่าว มาจากการวางกลยุทธ์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของตลาด โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เปิดตัวรถยนต์รวม 16รุ่น ซึ่งแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีถือเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากด้วยอัตราการเติบโตจากปีก่อนหน้าแบบก้าวกระโดดถึง309% ซึ่งเป็นผลมาจากการรุกทำการตลาดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การแนะนำรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีทั้งรุ่นนำเข้า และรุ่นประกอบในประเทศรวมจำนวนห้ารุ่นการจัดกิจกรรม “Mercedes-AMG Driving Experience” ครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อให้สื่อมวลชน และลูกค้าได้สัมผัสสมรรถนะรถยนต์อย่างใกล้ชิด รวมถึงการเปิดตัวผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ 12 แห่งทั่วประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในด้านบริการหลังการขายให้กับลูกค้ากลุ่มดังกล่าว โดยในปีนี้จะมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในตระกูลเอเอ็มจีอย่างต่อเนื่อง ประเดิมด้วย สองรุ่นใหม่ในตระกูลเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี53 อย่าง CLS53 4MATIC+รุ่นประกอบในประเทศ และE 53 4MATIC+ Coupé รุ่นนำเข้าที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีEQ Boost เพื่อเพิ่มพลังให้กับรถยนต์มากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดตัว“AMG Brand Center”แห่งแรกในประเทศไทย โดยจะเป็นศูนย์ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการรถยนต์แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีที่มีความทันสมัย และครบวงจรมากที่สุด และมีเพียง 11แห่งจากทั่วโลก”

   “ในด้านความเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า ในปีที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการผลิตรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ให้สูงขึ้น มีการจับมือกับสามเครือโรงแรมชั้นนำขยายจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศ ทำให้ในปัจจุบันเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารวมกว่า 200 แห่ง อีกทั้งจัดงาน “Mercedes-Benz EQ Tech Day”เพื่อฉายภาพให้เห็นถึงทิศทางยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคตภายใต้แบรนด์อีคิว และยังได้นำรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบอีคิวเอ (EQA)เข้ามาจัดแสดงให้สื่อมวลชน และผู้บริโภคได้ชมกันอย่างใกล้ชิด โดยในปีนี้บริษัทฯ เตรียมนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์อีคิวตลอดทั้งปีทั้ง EQ Power  รถยนต์แบบปลั๊กอินไฮบริด EQ Power+ ที่เป็นส่วนหนึ่งในรถยนต์ แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และกลุ่มรถยนต์แต่งและ EQสำหรับรถยนต์Battery Electric Vehicles หรือ BEVพร้อมวางแผนขยายจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มอีก 80แห่ง โดยจะเลือกสถานที่ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้บริโภคเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้ามาใช้บริการ”

   “ในด้านกิจกรรมการตลาดเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ ในปี 2562 บริษัทฯ ได้สานต่อกลยุทธ์ Best Customer Experienceเพื่อสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ผ่านการทำกิจกรรม ไลฟ์สไตล์ภายใต้โกลบอลแพลทฟอร์ม “ชีส์ เมอร์เซเดส”(She’s Mercedes)อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ซึ่งในปีที่ผ่านมากิจกรรมดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า และผู้ที่ชื่นชอบ  แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีกทั้งมีการสื่อสารบนช่องทางออนไลน์อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการรับรู้ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งทางเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมที่ปัจจุบันมียอดผู้ติดตามกว่า 812,285คน และ 121,214คนตามลำดับ”มร.ฟรังค์กล่าวเพิ่มเติม

   นายพุทธิ ตุลยธัญ รองประธานบริหารฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ ‘การมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า’ คือหัวใจในการบริการของเรา บริษัทฯ จึงได้วางกลยุทธ์ในการให้บริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า โดยการนำเสนอแคมเปญบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างการรับรู้ของผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เซอร์วิสพลัส โปรแกรมการบำรุงรักษาและการรับประกันสำหรับลูกค้า  เมอร์เซเดส-เบนซ์, อะไหล่ REMAN แท้ที่ผ่านกระบวนการ Remanufacturing จากโรงงานผู้ผลิตของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่อง Mercedes-Benz Engine Oil ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงเน้นย้ำความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพช่างเทคนิคจากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการรวมถึงการสนับสนุนนักเรียนอาชีวะภายใต้โครงการเยอรมัน-ไทยเพื่อความเป็นเลิศในการศึกษาทวิภาคี (GTDEE) ซึ่งปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาเข้าร่วมกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั้งหมดสี่แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก และวิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก บ้านโป่ง โดยในปีที่ผ่านมามีนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรดังกล่าวและเข้าทำงานที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว จำนวน 30 คน และในปี 2562 นี้มีนักเรียนที่เข้าร่วมโปรแกรมการฝึกอบรมกับบริษัทและเซ็นสัญญาเข้าทำงานกับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการหลังจบหลักสูตรในปี 2563 แล้วอีกจำนวน 52 คน ทั้งนี้บริษัทฯ กำลังขยาย  ศูนย์ฝึกอบรมให้สามารถเพิ่มศักยภาพการฝึกอบรม โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2562 นี้”

   “ในปี 2562 บริษัทฯ วางแผนที่จะยกระดับการให้บริการในทุกมิติ ครอบคลุมทั้งบริการด้านการบำรุงรักษา และการขยายพื้นที่ให้บริการเพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น โดยเตรียมเปิดตัว ‘คลังอะไหล่แห่งใหม่’(Parts Distribution Center) บนถนนบางนา-ตราด กม. 19 ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งคลังอะไหล่แห่งนี้จะมีระบบการจัดการด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำหน้าที่วิเคราะห์และจัดเก็บอะไหล่ ให้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายอะไหล่รถยนต์ให้ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการพร้อมให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น และในส่วนความพร้อมเพื่อสร้างเครือข่ายที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ทั่วประเทศนั้น ปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการจำนวน 32 แห่ง แบ่งเป็นพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 17 แห่ง และต่างจังหวัด 15 แห่ง และเตรียมแต่งตั้งผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับแบรนด์รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์เพิ่มอีกสี่แห่ง โดยแบ่งเป็นพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานครสองแห่ง และต่างจังหวัดอีกสองแห่ง ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเพิ่มขึ้นเป็น 36 แห่ง และในปีนี้ยังมีแผนขยายศูนย์บริการสีและตัวถังที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์อีก 4 แห่งรวมเป็น 15 แห่งทั่วประเทศ  เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าให้ได้มากที่สุด” นายพุทธิ กล่าวปิดท้าย

 

ข้อมูลผลิตภัณฑ์

   รถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีตระกูล53คือผลลัพธ์ของการผสมผสานเครื่องยนต์แบบแถวเรียง6สูบ ขนาด 3.0ลิตรที่ให้กำลัง320กิโลวัตต์ (435แรงม้า) กับรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต และอัตราการใช้พลังงานที่เยี่ยมยอด รถยนต์ตระกูลนี้มีระบบอีคิวบูสท์(EQ Boost)รวมถึงสามารถสร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า48 โวลต์ได้ ระบบอีคิวบูสท์เป็นระบบ   มอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษ อีกทั้งยังเป็นระบบที่เป็นตัวกลางช่วยประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับระบบเกียร์ด้วย

Mercedes-AMG CLS53 4MATIC+รุ่นประกอบในประเทศ

   ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบแผงบังคับลมคู่สีเงินชุบโครเมี่ยม วัสดุเก็บขอบด้านข้างแบบพิเศษ กระโปรงหลังรูปแบบใหม่ล่าสุดที่สอดรับกับปลายท่อไอเสียทรงกลมทำให้ดูโดดเด่นสะดุดตา ท่อไอเสียแบบ AMG Sports exhaust system, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMGแบบ 5ก้านคู่ ขนาด 20” ตกแต่งด้วยสีดำพร้อมเทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LEDwith ULTRA RANGE Highbeamที่มีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่เหนือกว่าระบบไฟหน้า LEDมาตรฐาน(ที่มีหลอดไฟ LED84 หลอดต่อข้าง) เช่น ระบบไฟส่องสว่างขณะขับผ่านสี่แยกหรือวงเวียน ระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเมือง ระบบไฟส่องสว่างสำหรับสภาวะอากาศเลวร้ายและสามารถส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร รวมถึงหลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

 

   ดีไซน์ภายในติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษที่เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะให้หรูหรา หลากหลาย และเข้ากับรถยนต์สมรรถนะสูงรุ่นใหม่ เพิ่มเติมความสะดวกสบายด้วยจอแสดงผลขนาดใหญ่12.3นิ้วทำงานร่วมกับ MB Audio 20 พร้อม Touchpadและ Controller ที่ ผู้ขับขี่จะสามารถปรับแต่งการแสดงผลของแผงหน้าปัดได้ 3รูปแบบได้แก่ “Classic”“Sport”และ “Progressive” อีกทั้งยังสามารถเลือกแสดงข้อมูลต่างๆ ได้เพิ่มเติมตามต้องการอีกด้วย โดย ผู้ขับขี่ยังจะสามารถควบคุมรถด้วยพวงมาลัยแบบพิเศษ AMG Performance Steering Wheel ที่เพิ่มความกระชับและมั่นใจตลอดการขับขี่ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มสุนทรียภาพของการเดินทางด้วยระบบไฟในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64สีและระบบเสียงรอบทิศทางBurmester® surround sound system

 

   ด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยี ที่มีมาอย่างมากมายเพื่อช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายขึ้น อาทิ ระบบ AMG DYNAMIC SELECT, ระบบ PRE-SAFE®Plus และระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) นอกจากนี้ เทคโนโลยีเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G transmissionที่เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีเลือกใช้เป็นระบบเกียร์ที่ตอบสนองดีขึ้นเมื่อผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ ระบบขับเคลื่อน4 ล้อพร้อมเทคโนโลยีAMG Performance4MATIC+แบบแปรผันได้สมบูรณ์แบบ รวมไปถึงระบบช่วงล่างแบบถุงลม AMG RIDE CONTROL+ Suspensionที่ทำงานโดยอัตโนมัตินั้นยังช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกรื่นรมย์มากยิ่งกว่าที่เคย

รุ่น

เครื่องยนต์

ปริมาตร

กระบอกสูบ (ซีซี)

แรงม้าสูงสุด(แรงม้า/

รอบต่อนาที)

แรงบิดสูงสุด

(นิวตันเมตรที่ความเร็วรอบต่อนาที)

อัตราเร่ง

0-100

กม./ชม.
(วินาที)

ความเร็วสูงสุด (กม. / ชม.)

Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+

เบนซิน                แถวเรียง6 สูบ

2,999

435 /              6,100

520 /

1,800-5,800

4.5

250

  • Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศราคา 5,350,000 บาท

 

E 53 4MATIC+ Coupéคือรถยนต์คูเป้ที่สมบูรณ์แบบที่สุด สะท้อนผ่านการออกแบบที่เปี่ยมพลัง สวยงาม และน่าดึงดูดใจ สามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับได้ในทุกย่านความเร็ว

   ดีไซน์ภายนอก ได้รับการออกแบบให้สะท้อนสมรรถนะที่เหนือกว่า ผ่านรูปลักษณ์แบบคูเป้และลายเส้นด้านข้างที่ดูทรงพลัง ฝากระโปรงและช่องพาวเวอร์โดม พร้อมตกแต่งกระจกมองข้างและขอบบานกระจกด้วยสีดำที่ช่วยเสริมความสปอร์ตขึ้นไปอีกขั้นท่อไอเสียแบบAMG Sport exhaust system ปลายท่อไอเสียคู่แบบ 2round twin tailpipe look สปอยเลอร์ด้านหลังบน  ฝากระโปรงท้ายแบบ AMG Spoiler lipปลายสปอยเลอร์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยเสริมคุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMGแบบ 5ก้านคู่ ขนาด 20” ตกแต่งด้วย  สีดำพร้อมเทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยี ไฟเบอร์ออฟติกรวมถึงหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

 

   ดีไซน์ภายใน มาพร้อมกับการตกแต่งห้องโดยสารด้วยวัสดุ Metal-weaveและ Black piano เบาะที่นั่งหุ้มของเอเอ็มจีและตราสัญลักษณ์เอเอ็มจีด้วย ARTICO leatherตัดสลับ DINAMICA Microfibreเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พวงมาลัยแบบAMG Performance steering wheel หุ้มหนัง nappaตกแต่งด้วย DINAMICA Microfibreที่เป็นพวงมาลัยนิรภัยพร้อมเพาเวอร์ปรับระดับด้วยไฟฟ้า แบบปรับน้ำหนักตามระดับความเร็ว เพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบป้อนเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติ สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า รวมถึงเพลิดเพลินกับระบบมัลติมีเดีย อย่าง       หน้าจอแสดงผลข้อมูลแบบ Digital widescreen cockpitระบบ MB Audio 20พร้อมจอแสดงผลขนาดใหญ่ 12.3นิ้ว ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay™และ Android Auto ระบบชาร์จมือถือแบบไร้สายระบบเสียงรอบทิศทางBurmester® surround sound systemรวมถึงระบบไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี

 

   ด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยีโดดเด่นด้วยระบบปรับรูปแบบการขับขี่แบบ  AMG DYNAMIC SELECTที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้โหมดการขับขี่ให้สอดคล้องกับความต้องการได้ ซึ่งทำให้ผู้เป็นเจ้าของสามารถสัมผัสถึงการขับขี่แบบเร้าใจหรือการขับขี่แบบนุ่มสบายตลอดการเดินทางได้ในคันเดียวระบบกุญแจKEYLESS-GO พร้อมเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติไม่ต้องใช้มือ(HAND-FREE ACCESS)ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC แบบ 2-Zones ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist)ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย ALS (Active Light System)ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist)ระบบนำทาง (navigation system)ระบบขับเคลื่อน4 ล้อพร้อมเทคโนโลยีAMG Performance4MATIC+รวมไปถึงระบบช่วงล่างแบบถุงลม AMG RIDE CONTROL+ Suspension

รุ่น

เครื่องยนต์

ปริมาตร

กระบอกสูบ (ซีซี)

แรงม้าสูงสุด(แรงม้า/

รอบต่อนาที)

แรงบิดสูงสุด

(นิวตันเมตรที่ความเร็วรอบต่อนาที)

อัตราเร่ง

0-100

กม./ชม.
(วินาที)

ความเร็วสูงสุด (กม. / ชม.)

Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ Coupé

เบนซิน                แถวเรียง6 สูบ

2,999

435 /              6,100

520 /

1,800-5,800

4.4

250

  • Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ Coupé ราคา6,990,000 บาท

 

###