โรงพยาบาลยันฮียกระดับดูแลสุขภาพองค์รวมเปิด “ศูนย์ข้ามเพศ” ชูแนวคิด “Journey to Self Love”ดูแลดุจเพื่อนคู่คิด สนับสนุนชีวิตทุกมิติ ตอกย้ำความเชี่ยวชาญด้านบริการทางการแพทย์เพื่อความหลากหลายทางเพศครบวงจร
กรุงเทพมหานคร – 27 พฤษภาคม 2568 โรงพยาบาลยันฮีเปิดตัว “ศูนย์ข้ามเพศ” (Yanhee Pride Center) อย่างเป็นทางการภายใต้แนวคิด “Journey to Self Love” by Yanhee Support Pride โดยมีพญ.สิรินทรา สัมฤทธิวณิชชา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารทพญ.สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา กรรมการบริษัทและผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด นพ.สุธน พิศูทธินุศาสตร์ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์นพ.สุกิจ วรธำรง แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย (Female to Male - FTM) นพ.วรพล รัตนเลิศ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการแปลงเพศจากชายเป็นหญิง (Male to Female - MTF) โรงพยาบาลยันฮี พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติร่วมงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงโลกที่เปิดรับผู้มีความหลากหลายทางเพศอย่างกว้างขวาง โรงพยาบาลยันฮีในฐานะผู้นำด้านการรักษาความงามและสุขภาพครบวงจรระดับแนวหน้ามุ่งมั่นให้บริการด้านความงามและสุขภาพควบคู่กับการรักษาด้านแพทย์ทางเลือกโดยแพทย์เฉพาะทางด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่บทบาทผู้นำด้านสุขภาพแบบองค์รวม ด้วยการเปิดตัว “ศูนย์ข้ามเพศ” (Yanhee Pride Center) อย่างเป็นทางการภายใต้แนวคิด “Journey to Self Love” by Yanhee Support Prideเพื่อเป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพสำหรับผู้ข้ามเพศมีความทันสมัยและเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” สำหรับทุกคนที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพราะการข้ามเพศไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นการเดินทางครั้งสำคัญของชีวิตที่ต้องอาศัยความมั่นใจ ความเข้าใจ และการดูแลอย่างถูกต้องครบถ้วนตั้งแต่ก้าวแรกของการตัดสินใจไปจนถึงการมีร่างกายที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ทางเพศ
พญ.สิรินทรา สัมฤทธิวณิชชา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ศูนย์ข้ามเพศโรงพยาบาลยันฮีเกิดจากวิสัยทัศน์ของนพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่เล็งเห็นว่า “การแปลงเพศ” ไม่ได้เป็นเพียงกระบวนการทางการแพทย์ แต่เป็น “ศาสตร์และศิลป์ขั้นสูง” ของศัลยกรรมตกแต่งซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในธรรมชาติของแต่ละเพศ รวมทั้งการดูแลแบบสหวิชาชีพเพื่อให้ผลลัพธ์ทั้งด้านกายภาพด้านจิตใจที่มีความกลมกลืนและยั่งยืนโรงพยาบาลยันฮีมีความพร้อมในทุก ๆ ด้านทั้งเครื่องมือทันสมัย ปลอดภัย และระบบการดูแลที่ได้มาตรฐานระดับโลกจึงได้ลงทุนพัฒนาศูนย์แห่งนี้ให้เป็นต้นแบบของการดูแลผู้ข้ามเพศ ด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ พร้อมระบบสนับสนุนที่ครอบคลุมทุกมิติ
“ศูนย์ข้ามเพศของโรงพยาบาลยันฮี จึงเป็นการตอกย้ำพันธกิจของเราที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ข้ามเพศให้เท่าเทียม ด้วยความเข้าใจและมีความเป็นมิตร ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการตัดสินใจ การผ่าตัด และฟื้นฟู ไปจนถึงการดูแลระยะยาว เพราะเรามีความเชื่อว่าการให้บริการผ่าตัดแปลงเพศที่ดี คือการเดินเคียงข้างผู้รับบริการในทุกย่างก้าวอย่างแท้จริงดูแลครอบคลุมในทุกขั้นตอนทั้งร่างกายและจิตใจ เรียกว่า “ครบจบที่ยันฮี”พญ.สิรินทรา กล่าวย้ำในตอนท้าย
โรงพยาบาลยันฮีเปิดให้บริการ “ศูนย์ข้ามเพศ” ภายใต้แนวคิด “Journey to Self Love” ด้วยรากฐานจากความเข้าใจประสบการณ์ชีวิตของผู้ข้ามเพศอย่างลึกซึ้ง เพราะผู้ข้ามเพศที่มีความต้องการแปลงเพศต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงทั้ง ด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งไม่เพียงเพื่อให้ได้รูปลักษณ์ตามที่ใจต้องการ แต่เพื่อค้นหาความหมายของชีวิตและการยอมรับในสิ่งที่เป็นอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ โรงพยาบาลยันฮีจึงได้ออกแบบระบบการดูแลที่ครอบคลุมทั้งองค์กร ทุกหน่วยงานมีบทบาทเป็น “เพื่อนคู่คิด” พร้อมให้คำปรึกษา แก้ไขปัญหาและสนับสนุนในทุกมิติของชีวิต เพื่อให้ผู้ข้ามเพศทุกคนรู้สึกปลอดภัย ได้รับการดูแลอย่างมืออาชีพ และอบอุ่นใจในทุกขั้นตอน เพราะผลลัพธ์ที่โรงพยาบาลยันฮีมุ่งหวังไม่ใช่การผ่าตัดสำเร็จเท่านั้น แต่คือการทำให้ผู้รับบริการมีความมั่นใจและกล้าและยอมรับในการเปลี่ยนแปลงตัวตน ทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นการสร้างชีวิตใหม่ในเส้นทางใหม่ที่ปลอดภัยและมั่นใจ
ศูนย์ข้ามเพศของโรงพยาบาลยันฮี มีจุดเด่นที่การดูแลแบบสหวิชาชีพ (Multidisciplinary Team) ซึ่งประกอบด้วยแพทย์จากหลายสาขาที่ได้รับการฝึกอบรมและดูงานทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องโดยมีจิตแพทย์ทำหน้าที่ประเมินสภาวะจิตใจและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดศัลยแพทย์ตกแต่งดูแลผ่าตัดแปลงเพศและศัลยกรรมเสริมความงาม (ปรับโครงสร้างใบหน้า) สูตินรีแพทย์ดูแลการตัดมดลูกและฮอร์โมน และแพทย์หู คอ จมูก ดูแลเรื่องการเปลี่ยนเสียงพร้อมทั้งการติดตามผลระยะยาวเพื่อสามารถให้การดูแลแบบองค์รวมทั้งร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริงในทุกขั้นตอน
นพ.สุกิจ วรธำรง แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย (FTM) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การผ่าตัดแปลงเพศจากหญิงเป็นชายของศูนย์ข้ามเพศโรงพยาบาลยันฮี เริ่มตั้งแต่การผ่าตัดหน้าอก การผ่าตัดมดลูกรังไข่การผ่าตัดปิดช่องคลอดการสร้างท่อปัสสาวะ และการสร้างอวัยวะเพศชายโดยคนข้ามเพศจะได้เข้าถึงการดูแลที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และอบอุ่นใจ เพราะยันฮีไม่จำกัดการบริการแค่เพียงบางหน่วย แต่ทุกภาคส่วนร่วมกันจัดระบบ เตรียมพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ที่เข้าใจ พร้อมให้บริการอย่างเป็นมิตร ดุจเพื่อนร่วมทางที่อยู่เคียงข้างตลอดเส้นทาง เพราะผลลัพธ์ที่ดีไม่ใช่แค่การผ่าตัดสำเร็จ แต่คือความรู้สึกว่า “มีคนเข้าใจและอยู่เคียงข้าง ดุจเพื่อนคู่คิดตลอดเส้นทาง”
ด้านนพ.วรพล รัตนเลิศ แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการแปลงเพศจากชายเป็นหญิง (MTF) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การแปลงเพศจากชายเป็นหญิงที่ศูนย์ข้ามเพศใช้เทคนิคเฉพาะของโรงพยาบาลยันฮีโดยสามารถซ่อนแผลและรอยตะเข็บได้อย่างแนบเนียน ซึ่งในปัจจุบันมีเทคนิคในการแปลงเพศที่หลากหลาย ได้แก่ เทคนิคสกินกราฟ เทคนิคเยื่อบุช่องท้อง เทคนิคลำไส้ใหญ่ และเทคนิคลำไส้ใหญ่แบบส่องกล้อง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์โดยเน้นความปลอดภัย ผลลัพธ์สมจริง และต้องอาศัยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง
นอกจากนี้ภายในงานเปิดตัวศูนย์ฯ ยังมีนิทรรศการศิลปะ “Self-Love” และเวทีเสวนาสุดพิเศษกับบุคคลต้นแบบจากหลากหลายเพศสภาพที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจอย่างลึกซึ้ง อาทิ “เตยยี่ ประภัสสร” นักเขียนฮีลใจ “เจินเจิน บุญสูงเนิน” นักร้องหญิงข้ามเพศคนแรกของไทย “บี อมรวิชช์เวธน์ พัชรพลวัฒน์” ทรานส์แมนสุดหล่อ และ “ใจ๋ ซีร่า” แดร็กควีนตัวแม่แห่งวงการ เพื่อส่งต่อพลังแห่งการยอมรับตัวเอง และสนับสนุนการเป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด
ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาได้ที่ ศูนย์ข้ามเพศ โรงพยาบาลยันฮี โทร. 1723 กด 2
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:Website : https://bit.ly/3jBY29h Line : https://bit.ly/3wdtcJN Instagram : https://bit.ly/3gUmwc0
#ยันฮี#แปลงเพศครบวงจร #ครบจบที่ยันฮี#โรงพยาบาลยันฮี#ศัลยกรรมตกแต่ง
#yanheehospital #yanhee#JourneytoSelfLove #PrideMonth2025
#BangkokPride2025 #ThailandPride2025#ยันฮีฮีลใจ #เท่าเทียม #LGBTQIA#yanheesupportpride #yanheepridecenter
###