‘MGC-ASIA’ประกาศผลดำเนินงานปี 2566ทำรายได้ 25,133ล้านบาท เติบโต9% เดินหน้าขยายระบบนิเวศทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

   บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIAประกาศผลการดำเนินงานปี 2566 ทำรายได้ 25,133ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าขณะที่กำไรจากการดำเนินงานทำได้ 711 ล้านบาทวางเป้าหมายปี 2567 สร้างการเติบโตทุกกลุ่มธุรกิจพร้อมขยายระบบนิเวศทางธุรกิจ MGC-ASIA Ecosystem อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าครอบคลุมทุกมิติ พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ตอกย้ำผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ครบวงจร

   ดร.สัณหวุฒิธรรมชวนวิริยะประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทมิลเลนเนียมกรุ๊ปคอร์ปอเรชั่น (เอเชีย)จำกัด (มหาชน)เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม25,133 ล้านบาท เติบโตขึ้น 9% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้กลุ่มธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ และรายได้จากกลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขายขณะที่กำไร จากการดำเนินงานทำได้711 ล้านบาท ลดลง 21% เมื่อเทียบกับปีก่อนจากการแข่งขันด้านราคาในตลาดรถยนต์ใหม่รวมถึงการชะลอตัวของการปล่อยสินเชื่อที่น้อยลงกลุ่มบริษัทฯจึงจัดโปรโมชันส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดที่ยังเติบโตขึ้นรวมทั้งการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเพื่อรองรับการขยายธุรกิจและการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมานอกจากนี้ในปี 2565กลุ่มบริษัทฯมีรายการที่เกิดขึ้น เพียงครั้งเดียวทั้งหมด 3 รายการ คือ 1) กำไรจากการขายรถยนต์ และให้เช่ารถยนต์พร้อมพนักงานขับจากงานประชุม APEC 2) รายการสินทรัพย์ภาษีเงินได้ 3) ดอกเบี้ยที่เกิดจากการเข้าทำสัญญาเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างระยะยาวเพื่อใช้เป็น ศูนย์จัดจำหน่ายรถยนต์ ดังนั้นหากไม่รวมรายการดังกล่าว จะส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรจากกิจกรรมดำเนินงานสำหรับปี 2565 และ 2566 อยู่ที่ 751 ล้านบาทและ 722 ล้านบาท ตามลำดับ ลดลง 4%

   สำหรับปี 2567MGC-ASIA มุ่งสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจครบวงจรภายใต้ MGC-ASIA Ecosystem ที่สมบูรณ์ และแข็งแกร่งผ่านการขับเคลื่อนการเติบโต 4 กลุ่มธุรกิจหลัก เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุมทุกมิติประกอบด้วย 1)กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Retail Business) กลุ่มบริษัทฯ วางเป้าหมายสร้างการเติบโตผ่านการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ เพื่อขยายฐานผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องและมีแผนร่วมลงทุนกับกลุ่มพันธมิตร ขยายธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ครบวงจร รองรับเมกะเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโต2) ธุรกิจให้บริการหลังการขาย (Aftersales Service)สัดส่วนรายได้จากบริการหลังการขายมีอัตราเติบโตต่อเนื่องจากความไว้วางใจของลูกค้า โดยในปี 2566 มีจำนวนการเข้าใช้บริการ 201,051 ครั้ง เพิ่มขึ้น 11.55% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และรายได้ต่อการบริการต่อครั้งเพิ่มขึ้นจาก 17,926 บาท เป็น 18,195 บาทนอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกอย่าง Tesla ให้ดำเนินธุรกิจศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Approved Body Shop (TAB) พร้อมมีแผนขยายสาขาเพื่อรองรับการเติบโตรถยนต์ไฟฟ้า3) ธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ ทั้งระยะสั้นระยะยาว และพนักงานขับรถ (Car Rental and Driver Services ปี 2566 จำนวนรถให้เช่าระยะสั้น ภายใต้แบรนด์ ‘SIXT’ ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 40% โดยเฉพาะการเพิ่มรถยนต์ในกลุ่ม พรีเมียม รองรับปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการท่องเที่ยวในประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2566 รายได้รถเช่า SIXT เติบโตกว่า 40% เมื่อเทียบกับปี 2565 ด้านรถเช่าระยะยาวในปี 2566 จำนวนรถให้เช่าเติบโต 20% ทำให้ภาพรวม บจก. มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล มีรายได้รวมประมาณ 1,400 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปี 2565 นอกจากนี้ภายในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจไปยังกลุ่มรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ให้เช่า (Commercial Vehicle Rental) เพื่อให้บริการครอบคลุม ทุกกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น4) กลุ่มธุรกิจอื่นๆ(Other Services) บริษัทฯ ร่วมทุนกับพันธมิตรยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องได้แก่ บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัดผู้ให้บริการธุรกิจบริการประกันภัยชั้นแนวหน้าโดยในปีงบประมาณ ช่วงเดือนตุลาคม 2565ถึงกันยายน 2566 มีรายได้331ล้านบาทเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 8%และเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 289 ล้านบาท โดยเติบโตจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่แก่กลุ่มลูกค้าเดิม รักษาอัตรา การต่ออายุกรมธรรม์ที่เพิ่มมากขึ้น และขยายไปสู่ตลาดใหม่ เช่น พลังงานหมุนเวียน และโครงการโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 129 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าขณะที่ บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) มีพอร์ตสินเชื่อเติบโตจากปีก่อนหน้า84% โดยมีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มมั่งคั่ง (High Net Worth)เพิ่มขึ้นเป็น 50% ของพอร์ตสินเชื่อรวมตามเป้าหมาย และสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรผ่านการเสนอผลิตภัณฑ์ Yacht Financingและ Wealth Lending ให้กลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ผลการดำเนินงานปี 2567 เติบโตตามเป้าหมายที่กำหนด

###